ใครกำลังที่จะวางแผนจะมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนที่จะถึงนี้ ลองมาดูกันค่ะว่า “10 เหตุผลทำไมต้องไปญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อน” หลายคนก็อาจจะมีคำถามที่ว่า อากาศก็ร้อนรักแร้เปียก มันจะสนุกเหรอ??? เอาจริง ๆ ที่ญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนก็มีกิจกรรมอะไรที่น่าสนใจอยู่เยอะเลยทีเดียวนะคะ โดยบทความนี้จะเป็นการรวบตรึง 10 สิ่งที่เพื่อน ๆ ต้องเจอในหน้าร้อนญี่ปุ่น ก็น่าจะพอตอบคำถามคาใจได้ว่า ทำไมต้องไปญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อน …ญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่หน้าซากุระอย่างเดียวนะคะ ฤดูอื่น ๆ ก็แซ่บอยู่ค่ะ เช่นช่วงหน้าร้อนที่บอกเลยว่านักท่องเที่ยวชาวไทยฟินค่ะ เพราะเสื้อผ้าที่ใส่ในไทยแบบไหนก็สามารถจัดเต็มนำมาใส่ที่ญี่ปุ่นได้เลยเพราะอากาศไม่ต่างกัน พับเก็บก็ง่ายแพ็คก็ยิ่งง่าย กระเป๋าไม่บวมเหมือนช่วงหน้าหนาว จะช้อปปิ้งสินค้าอะไรในช่วงนี้ก็สามารถเอากลับไปใช้เหมาะกับหน้าร้อนแบบไทยๆได้เลย… เที่ยวหน้าร้อนก็ดีอย่างนี้ล่ะค่ะ เอ้า!!! เราไปส่องกันเลยจ้า !!!
1.สินค้าลดราคา
เนื่องจากในฤดูร้อนถือได้ว่าเป็นช่วง Low Season สำหรับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น แม้แต่คนญี่ปุ่นเองบางครั้งก็หนีร้อนไปเที่ยวยังสถานที่ ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า อย่างเช่น ฮอกไกโด หรือ เมืองไทย ฯลฯ ก็เลยทำให้ค่าโรงแรมในช่วงนั้นไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และอีกหนึ่งสิ่ง ที่สายช้อปปิ้งชื่นชอบเป็นอย่างมากก็คือ สินค้าลดราคา ในเมื่อออกไปเที่ยวข้างนอกต้องเจอกับอากาศร้อน ก็เดินตากแอร์ ในห้างนี่ล่ะค่ะ ที่นอกจากจะทำให้ ใจเย็น และอากาศเย็นสบายแล้วยังสามารถทำให้เงินในกระเป๋าพร้อมปลิวออกได้เสมอเมื่อเจอกับสินค้าราคาพิเศษในช่วง Summer Sales ที่สำคัญถ้าเป็นพวกเสื้อผ้าแล้วล่ะก็เราสามารถนำกลับไปใส่ ที่เมืองไทยได้เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าสำหรับหน้าร้อนค่ะ
ดูตารางเซลล์ของแต่ละห้างได้จาก ที่นี่ ค่ะ
2.งานเทศกาลต่าง ๆ Matsuri
อีกหนึ่งกิจกรรมที่เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์สำหรับหน้าร้อนในญี่ปุ่น ที่แต่ละเขตที่อยู่อาศัยจะมีการจัดงานประจำปีให้คนในชุมชนได้มาร่วมงานกัน และสร้างสีสันให้แก่เขตนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแห่ศาลเจ้าเล็ก ๆ หรือ เรียกว่า โอะมิโคชิ
นอกจากนี้งานเทศกาลอื่น ๆที่ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี ที่ไม่ควรพลาดชมกันก็คือ งานเต้น Super Yosakoi ที่ฮาราจูกุ ชื่องานว่า Harajuku Omotesando Super Yosakoi ซึ่งในปีนี้จัดวันที่ 25 – 26 สิงหาคม 2018, AwaOdori ที่โตเกียวจัดงานที่ Koenji ชื่องานว่า Koenji Awa Odori Festival ซึ่งในปีนี้จัดวันที่ 25 – 26 สิงหาคม 2018 และงานเต้น Bon Odori มีจัดหลาย ๆ ที่ทั่วญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เด็ด ๆ ที่ไม่ควรพลาดชมค่ะ ดูรายละเอียดงานเต้นได้จาก ที่นี่ ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลที่ถูกจัดขึ้น โดยการผสมผสานวัฒนธรรม ของชาติตะวันตก อย่างการเต้นฮูลา ฮูล่า หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า เต้นฮาวาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่คนญี่ปุ่นมักจะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน แม้แต่งานเทศกาลเบียร์ ก็มีด้วยเช่นกันค่ะ เพิ่มประสบการณ์ใหม่ในการการเที่ยว แบบคนท้องถิ่น ก็ฟินไปอีกแบบนะคะ
3.ร้านแผงลอยในงานเทศกาลหน้าร้อน
สิ่งที่ขาดไม่ได้และต้องเจอคู่กันเสมอ ๆ สำหรับงานเทศกาลในประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือร้านแผงลอยหรือในภาษาญี่ปุ่นที่เรียกว่า Yatai (屋台) ซึ่งร้านแผงลอยที่ว่าจะมีการจำหน่ายอาหาร ขนม และ กิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ว่าจะไปกี่เทศกาลก็จะต้องเจออย่างแน่นอน เช่น ยากิโซบะ, ทาโกะยากิ, มันฝรั่งอบเนย, กล้วยชุบช็อกโกแลต, น้ำแข็งไส, แตงกวาจิ้มมิโสะ, ขนมโอบังยากิ, เบบี้ คัสเทร่า หรือขนมไข่, ยากิโทริ, หมู – เนื้อ เสียบไม้ย่าง, ปลาหมึกย่างฯลฯ ในส่วนของกิจกรรมที่มักจะได้พบ ก็คือ จับฉลาก, ตักปลาทอง, ยิงปืน ฯลฯ สำหรับใครที่ชอบร้านแผงลอยตามงานเทศกาลญี่ปุ่นแบบนี้ ก็คงจะฟินไม่น้อยเลยทีเดียวเชียวค่ะ
4.พลุดอกไม้ไฟหน้าร้อน
Credit photo : low-angle
เรียกได้ว่าเป็นวาระแห่งชาติในช่วงหน้าร้อนเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องมีเป็นประจำทุก ๆ ปี ซึ่งทั่วญี่ปุ่นก็จะมีตารางการจัดงานแสดงพลุแจ้งเอาไว้ ใครสะดวกใจ ไปช่วงไหนก็ต้องเล็ง ต้องเลือกวางแผนช่วงวันเวลาให้ดี ๆ ค่ะ ในงานก็จะมีการแสดงพลุที่มีความน่ารักน่าชังมาให้เซอร์ไพร์สกันได้ทุก ๆ ปี นอกจากการชมพลุแล้วยังถือว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอีกด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน ครอบครัว หรือ เพื่อนร่วมงาน ต่างก็นัดหมายมารวมกันเพื่อร่วมกิน ดื่ม ชมพลุไปพร้อม ๆ กัน
ดูตารางงานพลุดอกไม้ไฟ เดือน ก.ค. 2018
ดูตารางงานพลุดอกไม้ไฟ เดือน ส.ค. 2018
5.ชุดยูกาตะ
อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์สำหรับในช่วงหน้าร้อนนั่นก็คือ ชุดยูกาตะ หรือเป็นชุดกิโมโนสำหรับฤดูร้อนที่บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ มักจะนิยมใส่ออกมา เดินเฉิดฉายกัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีงานเทศกาล หรือ ไปชมพลุดอกไม้ไฟ เรียกได้ว่าใครอยากชมชุดยูกาตะต้องมาช่วงนี้ค่ะ จะได้เห็นแฟชั่นชุดยูกาตะ กันอย่างละลานตาเลยทีเดียว
และสำหรับใครที่อยากลองสวมใส่ก็สามารถเช่า หรือ ซื้อมาสวมใส่กันได้นะคะ สนนราคาก็มีตั้งแต่ 4,500 เยนเป็นต้นไป จะว่าไปราคาเช่าชุด ก็พอ ๆ กับราคาซื้อเลยล่ะค่ะ ถ้าอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็ลองจัดสักชุดสองชุดก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียวค่ะ ส่วนวิธีการใส่ก็ไม่ยากนะคะสามารถหาดูได้ตาม Youtube แล้วทำตามได้สบายมาก ๆ ค่ะ
6.ทะเลญี่ปุ่น
เนื่องจากภูมิศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเป็นเกาะ ดังนั้นจะมีพื้นที่ติดกับทะเล ซึ่งคนญี่ปุ่นเองก็มักจะนิยมไปทะเลในช่วงหน้าร้อนเช่นกันค่ะ ทะเลญี่ปุ่น อาจจะไม่สวยงามเมื่อเทียบกับทะเลเมืองไทย แต่ในเรื่องความสะอาดต้องยอมรับเลยค่ะว่าที่ญี่ปุ่นไม่แพ้กับที่ใดในโลก บรรยากาศริมชายหาด ทะเลญี่ปุ่นจะเต็มไปด้วยกลุ่มวัยรุ่น และ กลุ่มครอบครัว ที่มาพักผ่อนตากอากาศ เครื่องแต่งกายที่นิยมใส่กันก็คือชุดว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นวันพีช หรือ ทูพีช ก็ใส่กันแบบไม่มีขัดเขิน ส่วนหนุ่ม ๆ ก็ต่างโชว์ six pack ที่สาว ๆ เห็นแล้วต้องมีกรี๊ด
ทะเลญี่ปุ่นบางแห่งจะมีกฎข้อห้ามที่ควรต้องปฏิบัติตามด้วยนะคะ เช่นที่ Yuigahama beach อยู่ไม่ไกลจาก Kamakura เป็น 1 ใน 3 ของทะเลที่อยู่ใน Smart Beach Project จะห้ามผู้ที่มีรอยสักลงเล่นน้ำในทะเล แต่ผู้มีรอยสักนั้นจะต้องสวมเสื้อผ้าปกปิดรอยสักนั้นเสียก่อนจึงลงเล่นได้, ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปดื่มบริเวณริมหาด ต้องดื่มในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น, ห้ามเปิดเพลงหรือส่งเสียงดัง ฯลฯ ส่วนรวมต้องมาก่อนเสมอ เลยต้องมีกฎระเบียบที่เข้มงวดหน่อยตามสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ
เว็บไซต์ : Smart-beach Project
Yuigahama Beach, Kamakura
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Enoshima Electric railway line ลงที่สถานี yuigahama แล้วเดินต่อ 6 นาที หรือ ลงรถไฟ JR Yokosuka line ที่สถานี Kamakura แล้วเดินต่อ 18นาที
พิกัดจาก Google map:
7.สวนน้ำและสวนสนุก
Credit photo : explorejapanfromkanagawa
อีกหนึ่งสถานที่ ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับการไปเที่ยวทะเลในช่วงหน้าร้อน นั่นก็คือ สวนน้ำและสวนสนุกที่กลุ่มวัยรุ่น หรือ กลุ่มครอบครัวนิยมไปกัน เพราะเนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ รองรับ ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำ ที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ล็อกเกอร์ที่ฝากสัมภาระ และไม่ต้องกังวลใจ กับการถูกแมงกระพรุนในทะเลกัด และยังมีเครื่องเล่น พร้อมกิจกรรมอื่น ๆ ให้เข้าร่วมได้อีกค่ะ
สวนน้ำ Tokyo Summer Land
เว็บไซต์ : Summerland
การเดินทาง : นั่งรถไฟลงที่สถานี Akigawa แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Tokyo Summer land
สวนน้ำ Yomiuri Land, Kawasaki
เว็บไซต์ : Yomiuriland
การเดินทาง :
- ลงรถไฟKeio line ลงที่สถานี Keio Yomiuriland แล้วนั่ง Gondola หรือต่อนั่งรถบัส Odakyu bus (5 นาที)
- ลงรถไฟ Odakyu Odawara line ลงที่สถานี Yomiuriland-mae แล้วนั่งรถบัส Odakyu bus (10 นาที)
พิกัดจาก Google map:
8.ชมดอกทานตะวัน ดูหิ่งห้อย
ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ในช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่นก็คือ “ดอกทานตะวัน”หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Himawari (ひまわり) ที่ญี่ปุ่นจะมีฟาร์ม ดอกทานตะวันหลายแห่งที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่น และชาวต่างชาติ เข้าชมความงามของทุ่งดอกทานตะวัน ในวันหยุดหน้าร้อนเป็นประจำทุก ๆ ปี
Credit photo: Sunflower
Hokuto Akeno Sunflower Festival 2018
คือจุดชมดอกทานตะวันที่ป๊อปสุดในเขตคันโต ที่มีวิวด้านหลังคือ Japan Alp และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์ที่ชาวญี่ปุ่นมักจะนิยมไปชมกันในช่วงฤดูร้อนค่ะ สถานที่แห่งนี้อยู่ในเขตเมือง Hokuto จังหวัด Yamanashi อาจจะเข้าถึงยากสักหน่อยแต่ถ้าเลือกวันอากาศดี ๆ แล้วไปบอกเลยคุ้มมากค่ะ
Akeno Sunflower Festival 2018, Yamanashi
วันที่จัดงาน: 21 ก.ค. – 19 ส.ค. 2018
ที่อยู่ : 5664 Asao, Akeno-cho, Hokuto City, Yamanashi Prefecture
การเดินทาง : โดยรถบัส Kayagatake Mizugaki Denen Bus จากสถานีรถไฟ JR Nirasaki (JR Chuo Line) ใช้เวลา 25 นาที โดยลงที่ป้าย Heidi-no Mura Kurara-kan แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
เว็บไซต์ : Hokuto Sunflower festival , โบร์ชัวร์ (ภาษาญี่ปุ่น)
และนอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่เด็กรุ่นใหม่ หรือคนที่อาศัยอยู่ในเมืองอาจจะไม่ได้มีโอกาสเห็นกันมากนักนั่นก็คือ การชม “หิ่งห้อย” ก็ถือว่าเป็น อีกกิจกรรมหนึ่งของครอบครัวที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบทำกันในช่วงหน้าร้อนค่ะ แต่สำหรับคนไทยเราอาจจะคุ้นตากันมาบ้างแล้วบางคนก็อาจจะไม่ว้าว! แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี
9.ตั้งแคมป์
การตั้งแคมป์หาประสบการณ์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่สไตล์ธรรมชาติที่คนญี่ปุ่นนิยมทำกิจกรรมกันแบบลุย ๆ ซึ่งในช่วงหน้าร้อน ก็มีหลายสถานที่ ที่พร้อมเปิดให้บริการตั้งแคมป์ บาร์บีคิว รวมถึงให้เช่าอุปกรณ์ในการตั้งแคมป์ หรือ เช่าที่พักแบบบ้าน และที่พักแบบรถก็มีค่ะ ใครที่เป็นสายลุย สายชอบกางเต้นท์ กิจกรรมกลางแจ้ง ใครที่ชอบความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ชอบนอนฟังเสียงนก เสียงจิ้งหรีดร้อง หรือชอบสูดอากาศโอโซนจากต้นไม้ คงต้องหาโอกาสมาลองสักครั้ง แล้วล่ะค่ะ
ขอแนะนำตัวอย่างแคมป์ที่เคยมีโอกาสไปเยี่ยมชมที่จังหวัด Fukushima นะคะ
Forest Park Adatara, Fukushima
ตั้งอยู่ในเขตของภูเขา Adatara ที่ล้อมรอบไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติกว่า 70 % ของพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ ธรรมชาตินานาพันธุ์ ที่ใครอยากใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริงต้องจดลงลิสต์แล้วค่ะ และนอกจากนี้ Forest Park Adatara ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่หนึ่งที่ควรค่าต่อการมาพักผ่อนในรูปแบบของการมาตั้งแคมป์ (Camping) เปิดประสบการณ์ใหม่ที่พักอยู่ใจกลางธรรมชาติ ใครที่ถูกจริตกับการท่องเที่ยวแนวนี้ บอกเลยพิกัดนี้ฟินค่ะ !!
สำหรับการตั้งแคมป์ (Camping) มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การนำเต็นท์ไปกาง, พักที่ Cottage บ้านพักเป็นหลัง ๆ มีให้บริการกว่า 20 หลัง, พักบนรถ Permanent Trailer หรือคาราวาน ที่ใช้รถจากอเมริกาแบรนด์ Airstream มาทำเป็นที่พักแม้แต่ขับรถไปจอดเพื่อตั้งแคมป์ก็ย่อมทำได้เช่นกันค่ะ มาแต่ตัวแล้วมาเช่าอุปกรณ์ที่นี่ก็ได้นะคะ
Permanent Trailer คาราวาน
ค่าเช่า Permanent Trailer
· 1 คัน (1 คืน ) ค้างคืน 17,280 เยน
· 1 คัน (Day Trip 9: 00น.-16: 00น.) · · · 8,640 เยน
โดยทุกการเข้าพักจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากค่าเช่าที่พักดังนี้
****ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับ bath tax เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น คนละ 150 เยน, ค่า heater เฉพาะช่วง ธันวาคม – มีนาคม 540 เยน/ วัน, ค่า environmental protection Expenses 108 เยน (per one facility use period)
ค่าเข้าใช้บริการ
· ผู้ใหญ่ (รวมนักศึกษามหาวิทยาลัย) 648 เยน / คน
· นักเรียน (นักเรียนประถมศึกษา และ มัธยมศึกษา) 324 เยน / คน
· เด็ก ฟรี
การเดินทาง : โดยรถยนต์ 20 นาทีจาก Motomiya IC (Tohoku highway)
เว็บไซต์ : Adatara forest park
พิกัดจาก Google map :
10.ปีนภูเขาไฟฟูจิ
Crdit photo: Lifetoreset
ภูเขาไฟฟูจิ แลนด์มาร์กของประเทศญี่ปุ่น สามารถชมความงามได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าร้อนอาจจะทำให้ภาพของภูเขาไฟฟูจิที่มองเห็นได้ ในช่วงหน้าร้อนไม่เป็นเหมือนที่เคยเห็นในภาพในโปสการ์ด หรือ ในอินเตอร์เน็ต เพราะในช่วงหน้าร้อนบริเวณปลายยอดของภูเขาไฟฟูจิ จะไม่มี หิมะปกคลุมค่ะ นั่นก็หมายความว่าได้เวลาของการเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิกันแล้ว ซึ่งในหนึ่งปีมีแค่ช่วงระยะเดียวเท่านั้น คือช่วงต้นเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนสิงหาคม ใครชอบเดินป่า ชมธรรมชาติ ชอบการผจญภัยนี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทดสบสมรรถภาพ ความแข็งแรงของร่างกาย ในการปีนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งปีนี้เริ่มเปิดให้นักปีนเขาปีนได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1กรกฎาคม 2018 – 10 กันยายน 2018 ใครที่สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปีน ที่นี่ ค่ะ
และอีกหนึ่งเหตุผลที่เป็นของแถมสำหรับการท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่นก็คือ ฟ้าสว่างเร็ว และ มืดช้า นั่นก็หมายความว่า เที่ยวได้ตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน…สวรรค์ของช่างภาพเลยล่ะค่ะ อิอิ
ติดตามพวกเราได้ที่
Facebook Youtube Instagram
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.