ปักหมุด 20 สิ่งห้ามพลาดที่ Fukuoka
หากมีโอกาสได้มาเยือนเกาะคิวชู ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะเลือกจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางอย่างแน่นอน เพราะสะดวกในการเดินทาง มีสนามบินที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง สามารถนั่งรถแท็กซี่จากสนามบินเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ในราคาไม่ถึง 1,000 เยน ผู้คนเป็นมิตร แวดล้อมไปด้วยต้นกำเนิดอาหารอร่อย ๆ ชื่อดังหลากหลายชนิด อย่างฮากาตะราเมน, เมนไทโกะ ฯลฯ และรวมถึงสถานที่ที่ต้องห้ามพลาด วันนี้สาวแซ่บ และ อปลุงขอรวบตรึง ปักหมุด 20 สิ่งห้ามพลาดที่ Fukuoka ให้เพื่อน ๆ ไว้เป็นลิสต์ในการเที่ยวกัน ถ้าพร้อมกันแล้วไปอ่านกันได้เลยค่ะ
1.พิกัดที่คนมีคู่เค้าไปกัน Itoshima Futamigaura
2.ปักหมุดร้านอร่อย หอยนางรม 1 กก.ละ 300 บาท หอยสด อร่อยถูก ร้านที่คนรักหอย รักทะเลต้องไป
หากมาที่ Itoshima ในจังหวัด Fukuoka แล้วขอแนะนำร้านหอย อร่อย ถูก และสดมากๆ ร้านมีชื่อว่า Miruku ga ki Toyohisa maru (みるくがき豊久丸) เป็นร้านที่ขายอาหารทะเลหลากหลายชนิด ที่เราปิ้งเองจ้า สนุกตรงนี้ล่ะค่ะ
ร้านนี้มีมาตรการการป้องกันการแพร่กระจายไวรัสโคโรน่าได้เป็นอย่างดี เปิดประตูหน้าต่างให้ลมพัดระบายอากาศได้ดี ก่อนเข้าร้านต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ และวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้านทุกคน สั่งอาหารผ่านไลน์ เพื่อเว้นระยะห่างจากพนักงานรับออเดอร์ กับลูกค้า ดีงามมากมายค่ะ
หอยนางรมที่นี่ถูกมาก ๆ ตระกร้าละ 1,000 เยน 1 ตระกร้า น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ความสนุกของการย่างหอยก็คือ ระวังฝาหอยระเบิด เสียงระเบิดทีตกใจมากจ้า
หอยเชลล์ย่างเนยก็อร่อยมาก ๆ ตัวละ 200 เยน หอยตัวใหญ่มาก หอมเนย ย่างแล้ว เนื้อหวานและนุ่มมาก ๆ ปลาหมึกก็ดีงาม ตัวละ 650 เยน คนย่างต้องกะเวลาดี ๆ ย่างนานไปเนื้อจะแข็ง แต่โดยรวมแล้วสด หวาน อร่อยลืมจ้า
เมนูทะเล ๆ แบบกุ้ง ปลาหมึก หอย มีครบ
นอกจากนี้ก็มีเมนู ตะวันตกที่อร่อยไม่แพ้กันก็คือ Ajillo เป็นเมนูจิ้มจุ่มแบบสเปน ในถ้วยมีน้ำมันมะกอก กระเทียมสับ หอยนางรม เห็ดปรุงรสมาให้จิ้มกินคู่กับขนมปังฝรั่งเศสอร่อยเลยจ้า แต่เมนูนี้คนญี่ปุ่นเรียกว่า Ahijo ( アヒージョ ) ราคา 880 เยน และพาสต้าหอยนางรมก็อร่อยไม่แพ้กัน
ใครอยากลิ้มลองหอยนางรมสด ๆ อร่อย ๆ ต้องปักหมุดมาที่ Itoshima เลยค่ะ ที่นี่มีขายเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ หลังโควิดจัดโลดเลยจ้า
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม : คาคิโกะยะ โดยทั่วไปจะเปิดให้บริการโดยตั้งเต็นท์ไว้ตามท่าเรือประมงในช่วงฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม) ถึงแม้จะเป็นเต็นท์ แต่ก็มีโครงสร้างที่แข็งแรง และมีการใช้แก๊สหรือถ่านไฟภายในเต็นด้วย ทำให้อากาศภายในอบอุ่นแม้จะอยู่ในฤดูหนาวก็ตามค่ะ
เว็บไซต์ : https://toyohisamaru.com/
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/Ey9rbHwKjunq3ELMA
3.แต่งกิโมโนสุดโมเดิร์น ชมใบไม้แดงที่สวนโอโฮริ ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ
สโลว์ไลฟ์ในสวนสาธารณะใจกลางเมืองฟุกุโอกะ สาวแซ่บขอแนะนำสวน Ohori Park เลยค่ะ นอกจากจะเดินรับลมชมธรรมชาติงามๆ แล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถสร้างประสบการณ์แบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นได้ด้วยนะคะ โดยการแต่งกิโมโนดีไซน์ไม่ซ้ำใคร สุดโมเดิร์น เดินชมสวน จิบชาญี่ปุ่นในบรรยากาศชิล ๆ ที่ โอโฮริโคเอน นิฮง เทเอน (Ohorikoen Nihon teien, 大濠公園日本庭園) ที่นี่เป็นสวนญี่ปุ่นที่อยู่ติดกับ Coworking space ตึก 2 ชั้นที่ด้านในมีร้านเช่ากิโมโนสุดชิค และคาเฟ่บรรยากาศดีมาก ๆ ที่ Ohori Terrace ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดนั่งพัก นั่งชิล หรือแม้แต่ มาเช่าทำกิจกรรมก็ได้
แต่สำหรับสาวแซ่บกับอปลุงแล้ว ได้มาเช่าชุดกิโมโนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสวนญี่ปุ่นสักหน่อย เพราะไหน ๆ เราก็จะไปเดินที่สวนแห่งนี้อยู่แล้วเนอะ ซึ่งได้จองคิวเช่าชุดกิโมโนกับร้าน Yamato Tsunagari Gallery ที่ภายในเต็มไปด้วยชุดกิโมโนสุดโมเดิร์น ลายผ้า เนื้อผ้าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ใครชอบงานอาร์ต งานศิลปะร่วมสมัยแนะนำกิโมโนร้านนี้เลยค่ะ ราคาค่าเช่า 3 ชม. 3,000 เยนต่อคน จะได้ถุงเท้าทาบิ (ถุงเท้าที่แยกนิ้ว) เป็นที่ระลึกกลับบ้านไปด้วยนะคะ แต่ร้านนี้ไม่มีบริการทำผมให้นะคะ เราต้องทำผมด้วยตัวเองค่ะ
นอกจากกิโมโนของสาว ๆ จะดูว้าวแปลกตาแล้ว สำหรับหนุ่ม ๆ ก็เฟี้ยวฟ้าวไม่แพ้กันค่ะ อย่างเช่นกิโมโนที่อปลุงใส่เนื้อผ้านั้นเป็นความร่วมมือกันระหว่างร้านและแบรนด์เต๊นท์ชื่อดัง snowpeak แค่ได้ยินชื่อแบรนด์เต๊นท์ อปลุงไม่ลังเลเลือกผ้าชิ้นนั้นทันที 555
พอแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ซื้อตั๋วเข้าชมสวนญี่ปุ่น ในราคาคนละ 250 เยนกันค่ะ มุมถ่ายรูปมีเยอะมาก เดินวนรอบสวนได้ไม่ลำบากนัก ถ้าใครเมื่อยก็มีจุดแวะพักให้นั่งด้วยนะคะ มีดีไซน์ทั้งหิน ต้นไม้ น้ำตก และต้นโมมิจิ ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีบอกเลยว่า สวยตรึงใจมาก ๆ ค่ะ
4.แวะจิบชาที่คาเฟ่กลางสวนสวย
เดินชมสวนมาเหนื่อย ๆ แวะมานั่งจิบชากาแฟชิล ๆ ชมวิวสวนสาธารณะโอโฮริ กัน ชาที่นี่มีหลายชนิดนะคะ ไม่ว่าจะเป็น เกียวคุโระ ชาชั้นดีราคาสูง ชาคั่ว ชาเขียวมัทฉะ ชาเบลนด์เมนูพิเศษของทางร้าน หรือแม้แต่ชาอินเดียอย่าง Chai Tea ก็มีด้วยค่ะ ซอฟต์ครีมชาเขียวก็มีด้วยนะคะ เป็นซอฟท์ครีมที่ไม่หวาน กินแล้วเหมือนดื่มชาเขียว อ่ะใครไม่เคยลองขอแนะนำค่ะ
แต่ความว้าวของพวกเราก็คือ ข้าวปั้นอินาริ (ข้าวปรุงรสที่อยู่ในเต้าหู้ทอดรสหวาน) ที่ห่อมาด้วยกระดาษสีสันต่าง ๆ เห็นแว๊บแรกทำให้นึกถึง ท็อฟฟี่โบราณเลยค่ะ เป็นการทำแพ็กเกจจิ้งได้น่ารักมาก ๆ แค่ลองกินคำแรกก็หลงรักเข้าให้แล้วสิ เพราะรสชาติละมุนละไมเหลือเกินค่ะ …ชิ้นเดียวคงจะไม่พอแล้วสินะ หุหุ
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม :
สวนโอโฮริ (大濠公園, Ohori-koen) สวนสาธารณะใจกลางเมืองฟูกุโอกะที่เป็นเหมือนโอเอซิสที่ชาวเมืองมักจะใช้เวลาว่างๆมานั่งผ่อนคลายรับลมกันชิลๆ โดยชื่อโอโฮริ(Ohori)แปลแบบตรงๆเลยจะหมายถึงคูน้ำรอบเมืองหรือปราสาท ซึ่งอาจจะหมายถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่โดดเด่นตรงกลางนี่เอง ว่ากันว่าครั้งหนึ่งสระน้ำนี้เป็นหนึ่งในระบบคูน้ำของปราสาทฟูกุโอกะที่อยู่ข้างๆนี่เองค่ะ ตัวสวนเองก็ถือว่าค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการตกแต่งสไตล์สวนตะวันออกของประเทศจีนที่จะให้ความรู้สึกคลาสสิคๆหน่อย
สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นช่วงประมาณปี ค.ศ. 1929 โดยจะมีเกาะกลางสระน้ำอยู่ 3 เกาะซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินหิน สระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางจะมีทางเดินรอบๆสระน้ำที่มีระยะทางรวมกันประมาณ 2 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นจุดที่คนนิยมมาเดินและใช้เวลากันมากที่สุดเลยล่ะค่ะ เพราะขนาดวันที่อากาศร้อนๆยังนับว่าอากาศดีกว่าจุดอื่นๆอยู่มากทีเดียว อีกจุดที่นิยมมากๆไม่แพ้กันก็เป็นศาลา 6 เหลี่ยมกลางสระน้ำที่ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกนี่ถ่ายรูปสวยมากมาย
เวลาเปิด-ปิด: สวนญี่ปุ่น 9:30 to 17:00 พิพิธภัณฑ์ 9:30 to 17:30 เรือเปิดให้บริการ 11:00-17:30
วันปิดทำการ: สวนญี่ปุ่น หยุดวันจันทร์และวันหยุดแห่งชาติ ,พิพิธภัณฑ์ หยุดวันวันอาทิตย์และวันหยุดแห่งชาติ
การเดินทาง : สวนโอโฮริ(Ohori Park) สามารถเดินได้จากสถานีรถใต้ดินโอโอริโคเอน Ohori Koen
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/nm4ouuJJoiV7jPDi7
5.ช้อปปิ้ง เดินชิล ชมน้ำพุ และไฟประดับที่ห้าง Canal City
ช้อปปิ้งชิล ๆ เดินชมน้ำพุที่ห้าง Canel City ที่นี่จะมีเปิดแสดงไฟและน้ำพุทุก 6 โมงเย็น แต่จะมีอีเว้นต์พิเศษเฉพาะช่วง อย่างช่วงที่เราไปเป็นธีม one piece มีการโชว์แสงสีเสียง สุดอลังการที่ใครเป็นแฟนคลับ one piece คงจะชอบมาก ๆ
ช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่อลังการอยู่ไม่ไกลจากสถานีฮากาตะ ซึ่งย่านฮากาตะถือเป็นย่านธุรกิจที่เฟื่องฟูที่สุดของจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) ภายในอาคารมีคลองไหลผ่าน และบนเวทีก็มีการจัดงานอีเวนท์สร้างบรรยากาศคึกคักอยู่เสมอ ส่วนโซนช้อปปิ้งก็ครบครันด้วยร้านค้าหลากหลาย ตั้งแต่ร้านของที่ระลึกและร้านสินค้าคุมะมงที่หาซื้อได้ในคิวชูเท่านั้น
รวมถึงร้านค้าชื่อดังอื่นๆ ที่มักเห็นในห้างใหญ่ๆ อย่าง Sanrio, Uniqlo ไปจนถึงร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หากท้องเริ่มร้องสามารถแวะไปที่ Ramen Stadium ซึ่งรวบรวมเอาร้านฮากาตะราเม็งชื่อดังมาไว้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีโรงหนัง สวนสนุก และโรงแรมคอยให้บริการอย่างพร้อมเพรียง ที่สำคัญคือเคาน์เตอร์คืนภาษี (Tax-free Counter) และเครื่องแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอัตโนมัติ (Automatic currency exchange machine) ซึ่งจะคอยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
การเดินทาง : อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฮากาตะ(Hakata)ด้วยการเดินประมาณ 10 นาทีเท่านั้นเอง
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/UTgb7AoXoCZY5yoy5
6.ย่านยะไต ร้านรถเข็นหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น
ไม่ไกลกันจากห้าง Canal City เราสามารถเดินเล่นไปยังบริเวณ ยะไต (Yatai) ริมคลองนาคาสึ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า Nakasu Ichome ร้านยะไตหรือที่เราเข้าใจกันง่าย ๆ คือ ร้านแผงลอย เป็นร้านรถเข็น มาตั้งเรียงรายต้อนรับลูกค้ากัน ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นย่านร้านยะไตที่ยังคงหลงเหลือในญี่ปุ่น ในปัจจุบันหาชมไม่ค่อยได้แล้ว
แต่ละร้านก็จะมีการขายอาหารท้องถิ่น เช่น ฮากาตะราเมน (Hakata Ramen) ที่มีจุดกำเนิดที่เมืองนี้ จุดเด่นเลยก็คือ การใช้เส้นเมนที่มีขนาดเล็กกว่าราเมนในภูมิภาคอื่นๆ และตัวเส้นจะค่อนข้างแข็งกว่า แต่บางร้านเราก็สามารถรีเควสระดับความนุ่มของเส้นได้นะ ไฮไลท์ความอร่อยอยู่ที่น้ำซุปสีขาวขุ่น ที่ทำมาจากกระดูกหมูที่เคี่ยวมาอย่างยาวนาน และมีท้อปปิ้งหลักคือหมูย่างชาชู ต้นหอม ฯลฯ ราคาโดยทั่วไปประมาณ 500 – 700 เยน
นอกจากนี้ก็มีเมนูปิ้งย่าง ไก่ย่างเสียบไม้ และที่ห้ามพลาดเลยก็คือ เมนไทโกะ เป็นเมนูที่แทบทุกร้านต้องมี เพราะเมนไทโกะมีต้นกำเนิดที่คิวชูนี่ล่ะค่ะ
การเดินทาง : อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฮากาตะ(Hakata)ด้วยการเดินประมาณ 15 นาทีเท่านั้นเอง
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/4en39zDgRLE67adz9
7.แวะเช็กอิน และชมไฟประดับที่สถานีรถไฟฮากาตะ
ศูนย์กลางรถไฟสถานีใหญ่ของฟุกุโอกะต้องที่นี่เลย สถานีฮากาตะ (Hakata station) ที่เป็นจุดศูนย์รวมของการคมนาคมมีรถไฟชินคันเซนจอดและยังมีห้างต่าง ๆ มีร้านอาหารอร่อย ๆ หลากหลายร้าน ศูนย์รวมของฝากก็มีที่นี่ และในช่วงเทศกาลแห่งความสุขก็มีการประดับไฟสุดอลังการ มีตลาดคริสต์มาส ที่ให้หนุ่มสาววัยรุ่น และครอบครัวมาสนุกกัน ซึ่งจัดเป็นประจำทุก ๆ ปี แค่เห็นแสงสีก็มีความสุขแล้ว
8.Angel post ตู้ไปรษณีย์ต้องน่ารักเบอร์นี้เลยเหรอ
ใกล้ ๆ กันกับสถานีรถไฟ Hakata ก็มีห้าง KITTE สาขา Hakata ซึ่งอดีตเคยเป็นที่ทำการไปรษณีย์ แต่ปัจจุบันได้ผันตัวมาเป็นห้างสรรพสินค้าและมีตู้ไปรษณีย์นางฟ้า Angle post รูปหัวใจสีชมพู มีคิวปิดสีทองอยู่ด้านบนเป็นกิมมิค
ติดตั้งในปี 2016 พร้อมห้าง KITTE ที่เปิดตัวขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นสื่อกลางที่ส่งความรัก ความคิดถึงและความปรารถนาดีไปกับจดหมายโดยมีคิวปิดเป็นสื่อกลาง … มีธีมด้วยนะคะเนี่ย ไม่ธรรมดาเลยโน๊ะ และยังคงสามารถส่งจดหมายได้จริง ๆ ความน่ารักคือมีช่องหย่อนจดหมายใส่ตู้สำหรับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ด้วยค่ะ เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบส่งโปสการ์ด หรือ จดหมายแนะนำเลยค่ะ
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม :
9.รวมดาว ฮากาตะราเมน ที่สายกินต้องแวะ
บริเวณ สถานีรถไฟก็มีแหล่งรวมร้านราเมนฮากาตะหลากหลายร้านไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่เวลาน้อย และไม่อยากเดินหาของกินที่ไกลจากสถานี ก็ลองแวะมาลองราเมนฮากาตะกันได้ที่นี่ะค่ะ ตั้งอยู่บริเวณ Hikari Square ชั้น 2 อย่างราเมนที่เราไปชิมกันมาก็เป็นราเมนเผ็ดค่ะ Hakata Karamen สามารถอ่านรีวิวได้ ที่นี่ ค่ะ
ชมคลิปได้ที่นี่
10.แฟนคลับคิตตี้ห้ามพลาด Hello Kitty Shinkansen store
นอกจากนี้ก็ยังร้านค้า ร้านของฝากอีกมากมายโดยเฉพาะใครเป็นแฟนคลับของ Hello Kitty บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะเพราะที่นี่มีช้อป Hello Kitty Shinkansen เฉพาะด้วยนะคะ สินค้าที่วางจำหน่ายก็จะเป็นแบบเอ็กคลูซีฟ สินค้าลิมิเต็ดเฉพาะที่จำหน่ายที่ร้านนี้เท่านั้น มีไอเทมHello Kitty และชินคันเซนน่ารัก ๆ หลายอย่าง ตั้งแต่ของใช้ เครื่องเขียน เสื้อผ้าต่าง ๆ ของฝากพวงกุญแจน่ารัก ๆ รวมไปถึงอาหารและขนมด้วย
11.il FORNO del MIGNON ร้านครัวซองต์ต้องแวะ หน้าสถานีรถไฟ ฮากาตะ
เป็นร้านครัวซองต์ที่หลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลอง ตั้งอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟ ฮากาตะ ร้านมี 2 ฝั่งให้เราไปซื้อกัน ด้านซ้ายคือซื้อกลับบ้าน ด้านขวาคือ ซื้อแล้วกินกันได้เลยทันที มีหลากหลายรสชาติให้ลิ้มลอง ตั้งแต่เมนไทโกะ, ช็อกโกแลต, ส้ม, อัลมอนด์ หรือ รสชาติธรรมดาฯลฯ ร้านนี้เป็นแบบชั่งกิโลนะคะ ซึ่งราคาไม่แพงเลยราคาก็ขึ้นอยู่กับรสชาติที่เราเลือกคิดที่ 100 กรัมจ้า
พิกัดจาก Google map :https://goo.gl/maps/GdY6CGEtb6fEdFP59
12.หม้อไฟซุปไก่คอลลาเจน Mizutaki เมนูยอดฮิตของสาว ๆ กินแล้วผิวสวย (เค้าว่างั้น)
หม้อไฟซุปไก่บ้านจิโดริ ที่มีชื่อว่า Mizutaki เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ เพราะในน้ำซุปจะเต็มไปด้วยคอลลาเจน ที่เชื่อว่ากินแล้วจะสวย (เค้าว่ากันมาแบบนั้น) โดยเมนูนี้เป็นเมนูที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนที่ฟุกุโอกะ
ชมคลิปได้ที่นี่
คอร์สเริ่มต้นที่ 3,000 เยนต่อคน เป็นหม้อไฟซุปไก่ ที่มีความหอมละมุน เนื้อไก่นุ่มมาก ซดซุปร้อน ๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวคือ ดีงาม เดินตากลมชมวิวได้อย่างไม่สะท้านทรวงเลยค่ะ วิธีการกิน ตอนแรกพนักงานจะเสิร์ฟซุปมาให้เราซดก่อน และจากนั้นก็ตักเนื้อไก่ที่อยู่ในหม้อพร้อมผักมากิน โดยจะมีซอสพอนสึ หรือซอสเปรี้ยวใส่ลงไปในชาม หากใครต้องการความเผ็ดนิด ๆ ก็เติม ยูสุโคโช หรือพริกไทยยูสุ ที่เป็นไอเทมชื่อดังของเกาะคิวชูลงไปด้วยก็จะได้ทั้งความเผ็ดนิด ๆ และหอมยูสุหน่อย ๆ อร่อยไปอีกแบบค่ะ
อย่าลืมชิมเมนู พุดดิ้งของทางร้านอร่อยมาก ไม่หวานอย่างที่คิด เนื้อพุดดิ้ง เด้ง นุ่ม ฟิน ละลายในปากเลยค่ะ เคล็ดลับความอร่อยก็คือ เหยาะเกลือลงไปนิดนึง แล้วลองชิมดู จะเปลี่ยนพุดดิ้งแบบเดิม ๆ ให้อร่อยยิ่งขึ้น
รสชาติของหม้อไฟซุปไก่ อาจจะละม้ายคล้ายคลึงกับ ซุปไก่แบบอย่างไทย แต่ความ เข้มข้น นุ่ม ชุ่มคอก็คือ คอลลาเจนที่ทางร้านเติมลงไปในซุปด้วย กินช่วงอากาศหน้าวคือดีงามมาก เนื้อไก่นุ่มละลายในปาก ยิ่งใครชอบซุปเปรี้ยวหน่อย ๆ แนะนำให้เติมซอสพอนสึลงไปแล้วซดตาม โอ้โห เมนูซุปไก่ฟักมะนาวดองก็มาค่ะ หุหุ
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม : ความแตกต่างระหว่างเมนูแบบหม้อในสไตล์ญี่ปุ่นก็คือ
นาเบะ หรือ หม้อไฟ จะเป็นการนำวัตถุดิบทุกอย่างใส่ลงในหม้อแล้วต้มพร้อมกัน
ชาบู ชาบู เป็นการน้ำเนื้อสัตว์ไปจุ่มในหม้อซุปแล้วค่อยนำมารับประทาน
สุกี้ยากี้ เป็นการนำเนื้อสัตว์ไปผัดกับหอม และ มัน หรือเนย(บางร้านก็ไม่ใส่เนย) ก่อนที่จะเติมซุปลงไป
เว็บไซต์: https://www.hanamidori.net/store/archives/7
การเดินทาง : จากสถานี hakata ทางออก West แล้วเดินต่อไปอีก 350 เมตรก็จะถึงร้าน
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/vp1QyWyqfQkActUz6
13.แวะขอพรเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ ที่ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu Shrine
ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu Shrine เป็นศาลเจ้าแบบชินโตสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Sugawara Michizane เป็นนักวิชาการและการเมือง และเขายังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ”เทพเจ้าแห่งการเรียนรู้” หรือ”เทพเท็นจิน และที่นี่ก็มีตำนานเกี่ยวกับต้นบ๊วยบิน ที่ตั้งอยู่หน้าศาลเจ้า โดยต้นบ๊วยที่ว่านี้เป็นต้นบ๊วยของท่าน Sugawara ที่สมัยอยู่ที่เกียวโต แต่จู่ ๆ วันหนึ่งต้นบ๊วยก็บินมาอยู่ที่หน้าศาลเจ้านี้เอง แบบที่ไม่มีใครรู้ว่ามาได้อย่างไร เลยเรียกต้นบ๊วยนี้ว่า “ต้นบ๊วยบิน” นั่นเองค่ะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็เป็นจุดชมดอกไม้ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน
ก่อนจะเข้าถึงตัวอาคารหลักของศาลเจ้าเราจะเห็นสะพานโค้งสีแดงที่ยาวต่อ ๆ กัน โดยมีความเชื่อว่า เป็นสะพานที่ข้ามจากอดีต ปัจจุบัน และไปถึงอนาคต ที่แวดล้อมไปด้วยบึงน้ำและต้นการบูรที่ใหญ่มาก ๆ คาดเดาจากสายตาเชื่อว่ามีอายุกว่า 100 ปีขึ้นแน่ ๆ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดแวะมาขอพรกันค่ะ
Honden เป็นอาคารหลักของศาลเจ้าเป็นบริเวณที่มีคนมาขอพรที่นี่เยอะมากๆ โดยเฉพาะนักเรียนในช่วงเปิดการศึกษาใหม่หรือช่วงสอบเข้า เพราะคนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่ว่าจะช่วยให้การเรียนประสบความสำเร็จ หรือสอบเข้าได้นั่นเอง ใครอยากแวะมาขอพรแนะนำที่นี่เลยค่ะ
นอกจากนี้ศาลเจ้า Tenmangu ก็จะมีรูปปั้นวัวตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ที่ใครมาเยือนบอกเลยว่าต้องห้ามพลาด เพราะเค้าเชื่อว่า ใครได้ลูบหัววัว จะประสบความสำเร็จในการศึกษาค่ะ
ใครเป็นสายเครื่องรางก็จัดกันได้เลยค่ะ มีให้เลือกหลายชนิดตามความต้องการของแต่ละบุคคล
การเดินทาง : นั่งรถไฟ subway มาลง สถานี Dazaifu แล้วเดินต่อ
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/Uxk59VJ3UvhtroE9A
14.Starbuck สาขา Dazaifu
ไหน ๆ ก็มาเยือน Dazaifu แล้วอีกพิกัดหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันที่มีสาขามากมายในประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือร้านสตาร์บักส์ ที่สาขานี้ เป็นสาขาที่สวยติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลกเลยค่ะ เพราะมีการตกแต่งที่โดดเด่นจากการแต่งร้านด้วยท่อนไม้ 2,000 พันท่อน มีรูปร่างแปลกตาที่ออกแบบโดย Kuma Kengo สถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่น ซึ่งมีบ้านเกิดที่คิวชูนั่นเองก็เลยดีไซน์สตาร์บักส์ที่สาขานี้ค่ะ ใครได้ไปเยือน Dazaifu แล้วต้องแวะถ่ายรูปเช็กอิน บอกเลยว่าห้ามพลาดเลยค่ะ
การเดินทาง : นั่งรถไฟ subway มาลง สถานี Dazaifu แล้วเดินต่อ
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/k29LVwC5FBbh2gz87
15.ของอร่อยห้ามพลาด โมจิย่าง รูปดอกบ๊วย แห่ง Dazaifu
ระหว่างถนนช้อปปิ้งที่จะเข้าสู่ตัวศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu เราจะได้เห็นร้านค้าต่าง ๆ 2 ข้างทางที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่น ขนมท้องถิ่นอย่างโมจิย่าง ที่เป็นไอเทมที่ใครมาเยือนที่นี่ต้องลอง ตัวโมจิแป้งเนื้อบางที่ย่างร้อน ๆ พร้อมพิมพ์เป็นรูปดอกบ๊วย สัญลักษณ์ของ Dazaifu ด้านในสอดไส้ถั่วแดงมาด้วย ความพิเศษของโมจินี้ก็คือ ตัวเนื้อแป้งบางและนุ่มมาก มีความกรอบนิด ๆ ด้านนอกเพราะย่างมาสด ๆ ไส้ถั่วแดงที่สอดไส้มาหวานกลมกล่อมกำลังดี กินตอนร้อน ๆ คือฟินมากมาย ใครไม่ชอบหวานก็กินได้เพราะไม่ได้หวานจนเกินไป กินคู่กับชาเขียวร้อน หรือ กาแฟดำ ตัดรสชาติได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
16.ไอเทมท้องถิ่นต้นตำรับเมนไทโกะ ต้อง FUKUYA เท่านั้น
ถนนเส้นนี้ยังมีร้านที่จำหน่ายไอเทมเกี่ยวกับ ไข่ปลาเมนไทโกะด้วยนะ ถ้าพูดถึงเมนไทโกะต้องที่ฟุกุโอกะเท่านั้น เพราะมีต้นกำเนิดที่นี่ค่ะ เลยกลายมาเป็นไอเทมท้องถิ่นชื่อดังของฟุกุโอกะเค้าเลย ไม่ว่าจะไปทางไหนเราก็มักจะเห็นอาหาร ขนมต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยเมนไทโกะเป็นส่วนประกอบ แต่มีร้านต้นตำรับที่มีชื่อว่า Fukuya โดยผู้ที่คิดค้นริเริ่มทำ “ไข่ปลาเมนไทโกะ” เป็นคนแรก ความดีงามก็คือร้านนี้ไม่ได้คิดค้นและเก็บสูตรไว้คนเดียวนะคะ เจ้าของสูตรใจดีมาก ๆ ยังส่งต่อองค์ความรู้ที่ตนเองคิดค้นได้ สอนต่อให้แก่คนอื่นๆ เพื่อนำไปประกอบอาชีพได้อีกด้วย โดยมีเจตนารมย์ที่ว่า สอนวิธีทำให้ส่วนใครมีความสามารถอะไรก็นำไปประยุกต์และต่อยอดกันเอาเอง ถึงแม้ว่าคนที่สอนไปจะไปเปิดร้านขายสินค้าประเภทเดียวกันหรือเป็นคู่แข่งก็ตาม สุดยอดไปเลยค่ะ
ลองซื้อทูน่าเมนไทโกะมาลอง ก็โอเคเลยนะคะ รสชาติมีให้เลือกหลายแบบตามที่เราต้องการใส่สปาเก็ตตี้ก็ได้ ใส่ขนมปังก็ได้ ทำยำก็ได้ ฯลฯ แล้วแต่จะรังสรรเมนูเลยค่ะ ร้านนี้มีหลายสาขานะคะ ที่สถานีรถไฟ Hakata ก็มีด้วยค่ะ
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/fNPPtSyGamTiNtnP7
17.อิจิรันราเมน ราเมนข้อสอบ สำหรับคนโชคดีในการเรียน
ไหน ๆ ก็มาเยือนถิ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องขอพรในการเรียนกันแล้ว เราก็ต้องมาหาอะไรที่เป็นโชคในการเรียนกันบ้าง โดยบริเวณใกล้ ๆ กันกับสถานี Dazaifu มีร้านอิจิรันราเมน สาขา Sando หรือราเมนข้อสอบที่เรารู้จักกันด้วยค่ะ ซึ่งร้านสาขานี้มีความพิเศษอยู่นิดนึงที่ว่า ชามใส่ราเมนเป็นแบบ 5 เหลี่ยม ที่เค้ามีความเชื่อกันว่าใครได้กินแล้วจะโชคดีในการเรียน จะสอบได้ สอบผ่าน ชนิดที่ว่าไปขอพรจากศาลเจ้าแห่งการเรียนมาแล้ว ก็ออกมากินราเมนชาม 5 เหลี่ยมต่อแล้วทุกอย่างจะสำเร็จ เป็นความสุขทางใจอ่ะเนอะ แต่ถ้าไม่พยายาม ไม่อ่านหนังสือทบทวน ยังไง๊ ยังไง ก็ไม่ผ่านนะคะ ฮึบ ๆ เป็นกำลังใจให้คนกำลังมีเป้าหมายในการสอบแข่งขัน สอบผ่านทุกคนเลยนะ
การเดินทาง : อยู่ติดกับสถานีรถไฟ Dazaifu เลยค่ะ
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/wRnLV9kwxUwwcX5r6
18.Strawberry picking Amaou (Lionらいおん果実)
เก็บผลไม้สดจากต้น ลิ้มรสสตอเบอร์รีหวานฉ่ำหนึ่งในกิจกรรมที่คนรักสตรอเบอร์รีต้องห้ามพลาดถ้ามีโอกาสมาเยือนที่จังหวัดฟุกุโอกะแล้วล่ะก็ขอแนะนำฟาร์มนี้เลยจ้า เก็บสตรอเบอร์รี่กินไม่อั้นที่ ไลออนฟาร์ม (Lion farm,らいおん果実) เป็นหนึ่งในฟาร์มที่เก็บสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2003 ใช้เวลา 60 นาที เก็บสตรอเบอร์รี่ในฟาร์มแบบกินไม่อั้น คนละ 1,900 เยน แต่ถ้าจะนำกลับบ้านจะเป็นการชั่งน้ำหนัก 100 กรัม 250 เยน (ราคาจะขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงเวลาไม่เท่ากัน) ช่วงที่พวกเรามากันนั้นมีสตรอเบอร์รี่ทั้งหมด 8 สายพันธุ์ที่กำลังออกผลให้ชิมค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
ชมคลิปได้ที่นี่
1.Benihoppe – fukuoka ชื่อสายพันธุ์มีความหมายว่า “แก้มแดง”
2.AMAOU – fukuoka ตัวท็อปของจังหวัดฟุกุโอกะ สายพันธุ์ที่ตั้งชื่อตามลักษณะเด่นคือสีแดง, ลูกกลม, รสชาติดี, ลูกใหญ่ และอร่อย
3.Raion Ichigo – เป็นสายพันธุ์ของฟาร์มเอง
4.Korino
5.Akihime
6.Ookimi
7.Saga ho noka – Saka
8.Koiminori – กินเป็นคู่จะสมหวังในความรัก
วิธีการเก็บสตรอเบอร์รี่ที่แนะนำโดยเจ้าของฟาร์ม อย่างที่เรารู้กันว่าสตรอเบอร์รี่ตัวท็อปก็คือ AMAOU ทางเจ้าของฟาร์มก็อยากจะให้ชิม AMAOU เป็นอย่างสุดท้ายเพราะอยากให้ชิมสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อน ชิมความหวาน ความเปรี้ยว ความชุ่มน้ำ แล้วมาตบท้ายที่ AMAOU จะได้รับรู้ว่าสตรอเบอร์รี่สายพันธุ์ไหนอร่อยที่สุด สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเข้ามาเก็บสตรอเบอร์รี่นั้นอยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม – เดือนพฤษภาคมค่ะ
** ช่วงเวลาที่พวกเราไป 23 ธันวาคม 2020
เว็บไซต์ : Lionfarm
การเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Chikushi ใช้เวลา 25 นาที จากนั้นโดยสารรถแท็กซี่ต่อไปอีก 10 นาที
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/6gYofCxCVuWTtWnh6
19.ชิมข้าวหน้าปลาไหล สุดอร่อยแห่ง Yanagawa
ข้าวหน้าปลาไหลจากร้านที่มีชื่อว่า Unagi Daitou ซึ่งเป็นร้านที่มีอาหารเสิร์ฟและมีบริการล่องเรือด้วยโดยสามารถกินอาหารภายในร้านที่ตั้งอยู่เลียบคลอง เราก็จะได้เห็นเรือที่ล่องผ่านไปมาได้ หรือจะซื้อคอร์สที่นั่งรับประทานอาหารบนเรือก็ได้ด้วยเช่นกัน แต่วันนี้พวกเราเลือกรับประทานที่ร้านให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปล่องเรือภายหลังค่ะ
ภายในร้านมีที่นั่งทั้งแบบเก้าอี้ และแบบเสื่อสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยค่ะ เมนูที่แนะนำเลยก็คือ ข้าวหน้าปลาไหล ที่ปลาผ่านการย่างและนำมานึ่งวางลงบนข้าวที่คลุกซอสปรุงรสมาแล้วให้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม โรยท็อปปิ้งด้วยไข่ทอดสไลด์บาง ๆ ข้อดีของเมนูนี้ก็คือ ปลาจะมีความนุ่มเนื้อปลาจะละมุน แต่ยังคงความหอมจากการที่ผ่านการย่างมแล้ว ส่วนเม็ดข้าวเรียงสวย ปรุงรสมาอย่างกลมกล่อม มีความเหนียวนุ่มกำลังดี กินคู่กับซุปใสก็อร่อยฟินมาก ๆ ค่ะ
สำหรับคนที่ไม่กินปลาไหลก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะที่ร้านนี้ก็มีเมนูอื่น ๆ บริการด้วยเช่นกัน เช่น หมูผัดขิง, ข้าวหน้าแกงกะหรี่, ข้าวหน้าหมูทอดทงคตสึ เป็นต้น ข้าวหน้าปลาไหลราคาเริ่มต้นที่ 2,400 เยนค่ะ
ชมคลิปรีวิวได้ที่นี่ :
20. ล่องเรือในคูน้ำเก่าแก่ เวนิสของฟุกุโอกะ
กินข้าวเสร็จแล้วเราก็ไปล่องเรือในคูน้ำเก่าแก่ที่กล่าวขานกันว่า เป็น เวนิสของฟุกุโอกะ ที่วิวรอบข้างนอกจากจะเห็นบ้านเรือนชีวิตความเป็นอยู่ของชาว Yanagawa แล้วเรายังได้เห็นธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่ด้วย ต้นหลิวสองข้างทาง ต้นไม้ เรือ และคลอง มีสะพานเล็ก สะพานน้อย ที่ปัจจุบันยังคงใช้งานอยู่จริง
การล่องเรือคอร์สนี้ระยะเวลา 30 นาทีนะคะ ความสนุกของการล่องเรือคือ คนพายเรือจะคอยเอนเตอร์เทนให้กับพวกเรา เรือจะลัดเลาะไปรอบ ๆ ผ่านทางแคบ กิ่งไม้ต่าง ๆ รวมถึงสะพานที่แคบมาก ๆ ที่ผู้โดยสารเรือต้องคอยหมอบหลบต่ำเพื่อให้ผ่านไปได้
ไฮไลท์ก็คือตรงจุดสะพานที่ต่ำที่สุดที่คนพายเรือไม่สามารถหมอบลงได้ ตรงจุดนั้นเอง เป็นไฮไลท์ที่ว่า คนพายเรือต้องกระโดดขึ้นไปบนสะพาน แล้วรอให้เรือลอดใต้สะพานมาได้จึงกระโดดกลับลงมาที่เรือ เคยแต่ได้ยินเมนูอาหาร พระกระโดดกำแพง แต่ครั้งนี้เราจะได้เจอ คนพายเรือกระโดดสะพานค่ะ
นอกจากจะพายเรือเก่ง กระโดดเก่ง หลบเก่งแล้ว คนพายเรือยังร้องเพลงได้เพราะอีกด้วยนะคะ ใครอยากมีประสบการณ์แบบนี้แนะนำขอให้มาลองค่ะ ส่วนใครที่กังวลเรื่องการแพร่กระจายของไวรัสโควิด 19 บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะก่อนลงเรือมีการเช็กแล้วเช็กอีก ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนทุกคนค่ะ ค่าล่องเรือ ผู้ใหญ่ 1,560 เยน + คอร์ส 30 นาที 830 เยน, เด็ก 830 เยน +คอร์ส 30 นาที 420 เยน
เนื่องจากร้านอาหารและบริการเรือเป็นบริษัทเดียวกันนะคะ ทางบริษัทมีหลายคอร์สแนะนำ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและจองผ่านทางหน้าเว็บไซต์ด้านล่างได้เลยค่ะ
เว็บไซต์ : https://daitoenterprise.com/daito_menu
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/2Agw3F4t34LriVzz9
ติดตามพวกเราได้ที่
Facebook Youtube Instagram Twitter
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.