Kabushima Shrine ศาลเจ้าที่เซเลบ บล็อกเกอร์ต้องไป ขอพรให้ปังรับ “พลังแห่งความโชคดี”
วันนี้ตามสาวแซ่บไปเที่ยวกันต่อที่ Kabushima Shrine ศาลเจ้าแห่งท้องทะเล ที่มีเทพเจ้าเบนไซเทน เทพแห่งธุรกิจการค้า ศิลปะดนตรีที่ได้รับความนิยมให้หมู่ดารา เซเลบต่างก็มาขอพรกัน รวมถึงร้านค้าต่าง ๆ ก็นิยมมาที่นี่ด้วยค่ะ
ผู้ส่งสารของพระเจ้า นกนางนวลหางดำ
Kabushima เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ใน Hachinohe จังหวัด Aomori ในภูมิภาคโทโฮคุ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เกาะนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งทำรังของนกนางนวลหางดำ (Black-tailed Gull Breeding Place) หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Umineko และได้รับการคุ้มครองให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติของญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1922 ซึ่งที่นี่เป็นแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่เราสามารถเข้าไปดูได้อย่างใกล้ชิด นกนางนวลเหล่านี้จะบินไป Kabushima ประมาณต้นเดือนมีนาคมของทุกปี และจะทำการวางไข่ในเดือนเมษายน จะฟักในเดือนมิถุนายน นกจึงจะออกจากเกาะ Kabushima ในเดือนสิงหาคม เชื่อกันว่านกนางนวลหางดำ จะนำทางให้ชาวประมงในท้องถิ่นไปยังจุดตกปลาที่ทำกำไรได้ ชาวบ้านก็เลยคิดว่านกนางนวลหางดำนี้ เป็นผู้ส่งสารของเทพธิดาเบ็นไซเทนที่ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้า Kabushima บนเนินเขา Kabushima ด้วยหากได้มาเยือนยังศาลเจ้า Kabushima แล้วล่ะก็อย่าลืมแวะมาเสี่ยงเซียมซี Umineko Omikuji (กระดาษแห่งโชคลาภ) เซียมซีของที่นี่ก็เลยเป็นรูปนกนางนวลหางดำ หรือ Umineko ค่ะ และเซียมซีที่นี่ก็เด่นนะคะ และเป็นสัญลักษณ์ของเกาะแห่งนี้ โดยคำทำนายจะอยู่ด้านล่างตัวเซียมซีค่ะเป็นเซียมซีที่ไม่เหมือนใครที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนท้องถิ่นและว่ากันว่าคำทำนายแม่นยำ
นอกจากนี้ยังเป็นศาลเจ้าที่ชาวประมงให้ความเคารพอีกด้วยนะคะ ภายในศาลเจ้าจะมีภาพวาดเป็นมังกรที่มีหาง ซึ่งปกติภาพวาดมังกรจะไม่มีหาง การที่มีหางก็มีความเชื่อว่าหางจะช่วยให้การเดินเรือทางทะเลเป็นไปอย่างราบรื่น เหมือนกับเรือที่ล่องในทะเล ที่หางเรือก็สำคัญ
ปักหมุดจุดรับพลัง ขอพรให้ปัง
ศาลเจ้าแห่งนี้มีจุดรับพลัง อยู่ตรงด้านหน้า รับพลัง ขอพร และเดินวนขวา รอบศาลเจ้า 3 รอบแล้วจะโชคดี มาระหว่างที่เดินวนก็จะเห็น หินแกะสลักปีนักษัตรต่าง ๆ เทพเจ้า และวิวทะเลมหาสมุทรแปซิฟิก ท่าเรือและวิวเมือง ระหว่างเดินถ้าเจอขี้นกตกใส่ถือว่า Lucky มาก ๆ (เค้าว่าอย่างงั้นค่ะ) วัยรุ่นญี่ปุ่นเชื่อกันว่าถ้า โดนขี้นกแล้วจะโชคดี เพราะคำว่า อุนโกะ เสียงไปพ้องกับคำว่า อุน ที่มีความหมายว่า โชค ก็เป็นความเชื่อที่เค้าว่ากันต่อๆ มานะคะ ไม่รู้ว่าเป็นการปลอบใจคนโดนขี้นกหรือเปล่าเนอะ
ถ้าเข้ามาบริเวณศาลเจ้าแห่งนี้จะเห็นสัญลักษณ์ “คาบุ” เป็นผักชนิดหนึ่งคล้ายกับหัวไช้เท้าแต่ลูกกลมและเล็กกว่า ว่ากันว่าเกาะแห่งนี้มีรูปลักษณะคล้ายกับหัวคาบุนี่ล่ะค่ะ เลยนำมาทำเป็นสัญลักษณ์และเป็นชื่อเรียกของที่นี่ด้วยค่ะ
จากมุมในภาพด้านล่างนี้ จะมองเห็นจุดเร่ิมต้นเส้นทาง Michinoku เป็นเส้นทางเดิน Trail ตั้งแต่จังหวัดอาโอโมริ ไปยังจังหวัดฟุกุชิม่า เป็นระยะทาง 1,000 กิโลเมตร เผื่อว่าใครสนใจจะเดินเทรล เส้นทางนี้ท้าทายมาก ๆ ค่ะ
ในช่วงปี 2011 ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่โทโฮคุคลื่นสึนามิก็พัดมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ด้วยนะคะ แต่ไปไม่ถึงตัวศาลเพราะอยู่สูง ทางศาลเจ้าเลยทำสัญลักษณ์เอาไว้ให้ชมค่ะ ว่าคลื่นซัดมาถึงระดับไหน
ศาลเจ้าที่เราเห็นกันในภาพนี้เป็นศาลเจ้าที่ทำการปรับปรุงใหม่หลังจากเกิดไฟไหม้ในเดือน พ.ย.2015 ที่ผ่านมา แบะเพิ่งเสร็จในเดือน มี.ค. 2020 ภายในศาลเจ้ามีการตกแต่งหลักๆ เป็นไม้ โดนทีคาน 4 คานน้ำหนัก 2 ตัน มีเสาเล็กเสาน้อยรวมทั้งหมด 196 ต้น ไม้ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นไม้จากเมือง Hachinohe และช่างที่ทำก็เป็นช่างฝีมือท้องถิ่นมีการแกะสลักเป็นลวดลายต่าง ๆ เช่น นก, งู, ดอกไม้
ไฮไลท์อยู่ที่ภาพวาดบนเพดานเป็นรูปมังกรที่วาดโดยจิตรกรจีน และมีรูปแกะสลักไม้เป็นเทพหญิงถือเครื่องดนตรี อีกทั้งยังมีภาพวาดพู่กันเป็นรูปเสือโดยจิตรกรชาวจีน และภาพวาดสีน้ำมันเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นโบราณ ผู้วาดเป็นจิตรกรชาวญี่ปุ่นแต่เสียชีวิตไปแล้ว งานชิ้นนี้เลยมีคุณค่ามากค่ะ
Kabushima เคยเป็นเกาะที่แยกตัวออกมาอิสระ แต่ได้รับการบูรณะโดยกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในปี 1942 ทำให้เกาะนี้กลายเป็นคาบสมุทรอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน อีกหนึ่งเสน่ห์ของ Kabushima ก็คือช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะมีดอกนาโนะฮานะ หรือต้น rapeseed สีเหลืองสดใสจะบานสะพรั่งบนเกาะประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ตัดกับสีแดงของเสาโทริอิที่ศาลเจ้า Kabushima และมีนกนางนวลสีขาวที่ตัดกับท้องฟ้า สีฟ้าสดใสทำให้ใครได้มาเยือนที่ Kabushima เป็นต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน
การเดินทาง: ลงรถไฟที่สถานี Same แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
พิกัดใน Google map: https://goo.gl/maps/Qmwc8ESxWAuYDiaq8
ติดตามพวกเราได้ที่
Facebook Youtube Instagram Twitter
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.