Sanriku Railway รถไฟแห่งความสุข สุดน่ารักเลียบทะเลแปซิฟิก

รถไฟแห่งความสุขและความอบอุ่น หากมีโอกาสมาเยือนที่จังหวัด Iwate ขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งที่ติดกับทะเลแปซิกฟิก โดยนั่งรถไฟ Sanriku Railway ซึ่งเป็นรถไฟที่มีจำนวนตู้ไม่เยอะ วิ่งเลียบชายฝั่งที่ติดกับทะเลแปซิฟิกในจังหวัด Iwate เป็นระยะทางทั้งหมด 163 กิโลเมตร มีทั้งหมด 40 สถานี ที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม โดยรถไฟขบวนนี้มีกิมมิคเก๋ ๆ หากได้มานั่งในช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม – มกราคม) จะมีโต๊ะโคทัตสึ (こたつ) เป็นโต๊ะที่จะให้ความอบอุ่น โดยมีฮีทเตอร์อยู่ด้านล่างของโต๊ะ ซึ่งจะทำให้เราก็จะไม่ต้องฝ่าฟันกับอากาศอันหนาวเหน็บในช่วงหน้าหนาวระหว่างการเดินทางอีกต่อไปค่ะ 

ซึ่งในครั้งนี้สาวแซ่บ ได้เริ่มขึ้นรถไฟที่สถานี Kuji เพื่อนั่งต่อไปยัง สถานี Iwaizumi-omoto เป็นระยะทางกว่า 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาที ค่าโดยสาร 1,310 เยน

เส้นทางวิ่งของรถไฟสายนี้ค่ะ
ขบวนสั้น ๆ น่ารักและคลาสสิคมาก ๆ เลยเนอะ

แต่สำหรับการมาในครั้งนี้ได้มาชมวิวทะเลอันสวยสดงดงามและยังได้เห็นร่องรอยของคลื่นยักษ์สึนามิที่เคยได้พัดถล่มพื้นที่บริเวณริมชายฝั่งที่ได้รับความเสียหายตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งตอนนี้ก็ได้ฟื้นฟูกลับมาสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยแต่ละจุดที่รถไฟผ่านก็มีตำนาน มีเรื่องราวนะคะ บางคนก็มาเพื่อตามรอยละครเรื่อง  Amachan “อามะจัง เด็กน้อยนักดำน้ำ” ที่ในละครใช้ชื่อสายรถไฟว่า  “Kitasanriku Tetsudo” แนะนำให้แวะที่สถานี Horinai ซึ่งชื่อสถานีที่ใช้ในละครมีชื่อว่า Sode Ga Hama ซึ่งที่ชานชลาก็มีป้ายที่ใช้ถ่ายทำในละครด้วยเช่นกัน ใครเป็นแฟนละครได้ถ่ายรูปกับป้ายนี้แน่นอนค่ะ 

ป้ายน่ารัก ใครตามรอยอามะจัง ลุยโลด

เส้นทางที่เรานั่งผ่านมี 4 สถานีที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิในปี 2011 ได้แก่ Rikuchuunoda, Tanohata, Shimanokoshi และ Iwaizumiomoto แต่สถานีที่ได้รับผลกระทบเยอะที่สุดคือ ช่วงรอยต่อระหว่างสถานี Shimanokoshi ถึงสถานี Iwaizumiomoto เพราะพื้นที่ในบริเวณนี้ค่อนข้างต่ำกว่าใครเพื่อน จึงสาหัสที่สุดและใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 3 ปีเชียวค่ะ รองลงมาก็เป็นเส้นทางตั้งแต่สถานี Kuji (ต้นทาง) ถึงสถานี Tanohata ใช้เวลาซ่อมแซมและฟื้นฟูถึง 1 ปี และจากสถานี Iwaizumiomoto ถึง สถานี Sokei ใช้เวลาฟื้นฟู 3 เดือนค่ะ 

ระหว่างทางจะผ่านสถานที่ต่าง ๆ เห็นวิวสวยงามริมทะเลแปซิฟิก บอกตรง ๆ ว่าไม่เคยได้ชมวิวงาม ๆ แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ และก็ไม่น่าเชื่อว่าพื้นที่ที่เรานั่งรถไฟผ่านจะเป็นพื้นที่ที่เคยโดนสึนามิในปี 2011 แต่ตอนนี้กลับมาฟื้นฟูได้ดังเดิม และเราก็ยังได้เห็นจุดเลี้ยงปลาแซลม่อนด้วย โอ้โหใหญ่มากค่ะ

รถไฟที่ขึ้นเป็นรุ่น 36-718 เป็นรถไฟดีเซลโดยรถไฟ Sanriku Railway มีรถไฟหลายรุ่นนะคะ ต่างกันแค่รูปแบบการวางที่นั่งภายในรถเท่านั้น ส่วนภายนอกจะมีหน้าตาคล้ายกัน โดยรถไฟนี้จะมีการทาสีหลัก ๆ  3 สีเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทโดยแต่ละสีก็มีความหมายด้วยค่ะ สีน้ำเงิน หมายถึงทะเล Sanriku,  สีแดงหมายถึง ความหลงไหลในรถไฟ  และสีขาว หมายถึง ความซื่อสัตย์

รถไฟมี 3 สี ที่เป็นสัญลักษณ์ของบริษัท น่ารักมาก ๆ เลย
พนักงานโบกมือส่ง ก่อนรถไฟออก
ภายในรถไฟ

ที่นั่งบนรถไฟ ตอนนี้ยังไม่หนาวเลยไม่มีโต๊ะโคทัตสึ (โต๊ะอุ่น)

ระหว่างทางจะได้ชมวิวใบไม้ที่เริ่มเปลี่ยนสี ได้เห็นวิวทะเล ได้ดูกำแพงที่สร้างขึ้นสูง 14 เมตรเพื่อป้องกันคลื่นยักษ์สึนามิ ในสมัยก่อนบางพื้นที่มีกำแพงสูง 10 เมตรแต่ก็ไม่สามารถต้านทานคลื่นยักษ์นี้ได้ ดังนั้นเมื่อต้องฟื้นฟูและซ่อมแซมพื้นที่จึงได้สร้างกำแพงให้สูงขึ้นไปอีกนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังได้เห็นวิวสะพานสีแดง ได้เห็นโซนที่เลี้ยงปลาแซมม่อน ได้เข้าอุโมงค์ยาว 4 กิโลเมตร ซึ่งรถไฟสายนี้จะผ่านอุโมงค์หลายช่วงแต่ช่วงที่ยาวที่สุดอยู่ที่ 6 กิโลเมตรค่ะ 

ก่อนออกอุโมงค์ค่ะ
พอได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีจากข้างทาง สดใสขึ้นมาทันที
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันนิดนึงค่ะ

พอถึงสถานีปลายทางที่ Iwaizumiomoto ก็ได้เห็นแผนที่จำลองที่ชาวเมืองได้จัดทำเอาไว้ให้ชมเป็นที่ระลึกว่าก่อนเกิดสึนามิ มีบ้านเรือนของคนในชุมชมอยู่ที่ไหน ตรงจุดไหนกันบ้าง ซึ่งปัจจุบันนี้บ้านเรือนเหล่านั้นได้ถูกพัดจมหายไปพร้อมกับกระแสน้ำ ยังคงความเศร้าใจที่ได้เห็นแต่ก็ได้รู้สึกทึ่งในความแข็งแกร่งของชาวญี่ปุ่นที่ต่างร่วมมือร่วมใจฟื้นฟู และ พัฒนาพื้นที่ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง …

หากเพื่อน ๆ สนใจจะขึ้นรถไฟขบวนน่ารัก ๆ และมีเรื่องราวแบบขบวนนี้สามารถ อ่านรายละเอียด ดูตารางเวลาการวิ่ง และราคาแต่ละสถานีเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ : http://www.sanrikutetsudou.com/en/

*** ปล. รถไฟสายนี้ไม่สามารถใช้ JR PASS ได้นะคะ 

 

ติดตามพวกเราได้ที่

Facebook  Youtube  Instagram  Twitter

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.